เทคนิคที่ใช้ในการนำไพ่ไปหลบเข้ากองอีกแบบหนึ่งก็คือ การเล่นแบบบิลแบงก์หรือบัวบังใบนั่นเอง เป็นเทคนิคอีกแบบหนึ่งที่สามารถพลิกแพลงนำมาเล่นต่อเนื่องจากการแจกไพ่แม่เหล็กได้อีก รูปแบบหนึ่งได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เรามาดูลักษณะและเทคนิคในการเล่นของเขา (เซียน) กันดีกว่า ว่าเขามีเทคนิคในการเล่นกันอย่างไร ดูรูปประกอบคำอธิบาย
1. สมมติว่าไพ่ที่เจ้ามือใช้เทคนิคในการแจกไพ่แม่เหล็กออกมานั้นมีไพ่ด้วยกัน 3 ใบ คือ 8-A โพธิ์ดำ และ 4 โพธิ์แดง เพราะฉะนั้นไพ่ที่นำมารวมแต้มกันแล้วได้แต้มที่ดีที่สุด ก็คือ 8-A โพธิ์ดำนั่นเอง ดังนั้นไพ่ที่จะต้องถูกนำเอาไปซ่อนก็คือ 4 โพธิ์แดงนั่นเอง
1. สำหรับวิธีในการเล่นบิลแบงก์ก็คือ หลังจากที่เลือกแต้มได้ดีที่สุดแล้ว คือ 8-A โพธิ์ดำ เจ้ามือก็จะต้องนำเอาไพ่ 4 โพธิ์แดงลงไปซ่อน วิธีการซ่อนก็คือ ก่อนอื่นจะต้องนำทั้ง 3 ใบนั้นขึ้นมาวางบนฝ่ามือข้างซ้ายเสียก่อน โดยให้ 4 โพธิ์แดงนั้น วางอยู่ในตำแหน่งข้างบนสุด ดูในรูป
1. จากนั้นเจ้ามือก็จะแกล้งเก็บกินเงินของลูกค้าที่มีแต้มน้อยขึ้นมาก่อนทีละคน โดยจะหยิบขึ้นมาวางทับบนไพ่ในมือที่เจ้ามือถืออยู่นั้น ในขณะเดียวกันเจ้ามือก็ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายที่ถือไพ่อยู่นั้น ทำการคลี่ไพ่ 4 โพธิ์แดงออกมาจากไพ่ 8-A โพธิ์ดำเล็กน้อย ซึ่งเงินที่เจ้ามือ (เซียน) ทำการเก็บกินลูกค้ามานั้นจะถูกนำมาวางทับหรือช้อนประกบกันกับไพ่ 4 โพธิ์แดงจนมิดชิด ดูในรูป
1. จากนั้นเจ้ามือก็จะอาศัยจังหวะความเร็วตอนที่ลูกค้าเผลอ ใช้มือขวาดึงหรือหยิบไพ่ 4 โพธิ์แดงพร้อมกับเงินของลูกค้าที่เจ้ามือเก็บกินมาก่อนหน้านี้ลงไปไว้ในกองไพ่ที่วางอยู่ด้านล่างทันที เสร็จแล้วเจ้ามือก็จะทำการหงายไพ่ที่เหลืออีก 2 ใบ คือ 8-A โพธิ์ดำ ให้ลูกค้าดูว่านี่คือ แต้มของเจ้ามือ
เห็นมั้ยล่ะครับว่านี่ก็คือ พฤติกรรมหรือเล่ห์เหลี่ยมกลโกงอีกอย่างหนึ่งที่คุณได้เห็นจากหนังสือเล่มนี้ คราวนี้พอจะเห็นคุณค่าของผมแล้วหรือยังครับ ว่ามันสร้างสรรค์หรือทำลาย ที่ไม่มีใครกล้าทำ แต่ผมทำขึ้นมาจากอุดมการณ์และประสบการณ์จริง ๆ มากกว่า 17 ปี เพราะนี่ไม่ใช่กลหลอกเด็ก แต่เป็นเรื่องจริงที่ทำให้คุณ ๆ ทุกคนได้รู้ได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมกลโกงในวงการพนัน ที่ทุกวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นประเพณีเสี่ยงดวงกันไปแล้ ที่ผมพูดนี่คงไม่ผิดใช่ไหมครับ
สำหรับเทคนิคในการโกงไพ่ เปลี่ยนไพ่ของเจ้ามือ นั้น มีอยู่ด้วยกันมากมายหลายแบบ ผมมีโอกาสได้รู้ได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมกลโกงนี้มาเมื่อประมาณปี 2537 สมัยที่ผมได้มีโอกาสได้ติดตามเจ้านาย (ส.ห. ท่าเรือ) คนหนึ่ง แกให้ไปช่วยคุมร้านอาหารอยู่ย่านฝั่งธน ร้านอาหารที่ผมไปอยู่ช่วยคุมคือ ร้านรัชดาคาเฟ่ 1 – 2 ในสมัยนั้นมีเฮียตี๋เป็นเจ้าของกิจการ ถามเขาดูได้เลยว่าเคยรู้จัก ส.ห.พลบ้างหรือเปล่า และนั่นคือ ผมเองล่ะ ผมอยู่ประจำที่ร้านเกือบ 2 ปี ตอนนั้นมีพี่ป้อมเป็นผู้จัดการร้านคอยดูแลลูกค้า อันที่จริงผมไม่ได้เป็น สอหงสอหออะไรกับเขาหรอก ในตอนนั้นก็เดินตามตูดผู้ใหญ่เขาไปเรื่อยเปื่อย ไปกับพรรคพวกเจ้านายที่เป็น ส.ห. เขาก็พลอยเรียกเราว่า ส.ห. ตามด้วยชื่อเราว่า พล ก็เลยเป็นชื่อเรียกกันติดปากว่า ส.ห. พลเท่านั้นเอง แต่มันก็เท่ดีนะในสมัยนั้น วงการกลางคืนที่นักเลงฝั่งธนให้การยอมรับมีไม่กี่คนแต่จะอยู่เป็นกลุ่ม ๆ โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีลูกน้องแต่ละสายกระจายกันออกไป บ้างก็รับจ๊อบทวงหนี้ คุมวินมอเตอร์ไซค์ คุมคาเฟ่ร้านอาหาร รับจ้างกระทืบคนบ้าง หนักหน่อยก็โน่นเลยมือปืนรับจ้าง
เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังนี้ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพนันหรอก เพียงแต่อยากจะบอกว่าครั้งหนึ่ง ผมเคยมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาบ้าง เผื่อถ้าหากว่าพวกเพื่อน ๆ หรือเจ้านายเก่ามาเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วอ่านเจอตรงนี้ ขอให้รู้เอาไว้ด้วยว่า น้องคนนี้ยังคิดถึงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพี่หมวดวีระ พี่หมวดสามารถ จ่ารัตน์คนใต้ จ่าสินและเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า สำหรับเทคนิคการเปลี่ยนไพ่ของเจ้ามือนั้น ผมได้รู้ได้เห็นก็ตอนที่มีโอกาสได้ไปเล่นไพ่กับพวกนักร้องที่ร้านอาหารที่ผมดูแลอยู่นั่นแหละ โดยไปเล่นบนแฟลตของนักร้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งพวกนักร้องจะมีห้องพักอยู่ใกล้ ๆ กันจะพากันรวมตังค์ไปเล่นไพ่ป๊อก 8-9 เป็นประจำหลังเลิกงาน พอดีวันที่ผมไปเล่นมีนักร้องสาวคนหนึ่งพาแขกเข้ามาเล่นด้วยอีก 2-3 คน แขกที่มากับนักร้องชื่อ สมชาย มันเล่นเป็นเจ้ามือ วันนั้นคนเล่นก็มีประมาณ 8 – 9 คน ส่วนมากก็จะเป็นพวกนักร้องชายหญิงที่รู้จักกันดีกับผมทั้งนั้น และหลังจากที่เล่นไปสักพักก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เมื่อเจ้ามือเล่นได้เกือบทุกตาไป มันไม่ใช่ดวงดีแน่ เมื่อเสือกไปเห็นพฤติกรรมอะไรบางอย่างของเจ้ามือ ที่ไม่ชอบมาพากลเข้า ก็คือเจ้ามือที่เป็นแขกของนักร้องสาวคนนั้น พาเข้ามันทำการเปลี่ยนไพ่กับนักร้องคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ตอนนั้นผมเล่นเสียไปเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ขอตัวเลิกออกมาก่อน โดยบอกขอตัวไปซื้อเหล้ามากิน เดี๋ยวจะกลับมาเล่นต่อ หลังจากที่ผมออกมาข้างนอกแล้ว ก็เลยโทรศัพท์เรียกพวกเพื่อน ๆ คุมร้านอาหารอยู่ด้วยกัน พร้อมเล่าเรื่องให้พรรคพวกฟัง พร้อมกับวางแผนเอาเงินคืนจากเจ้ามือคนนี้ทันที ผมกลับมาเข้าไปพร้อมเพื่อน 2-3 คน ถือเบียร์เข้าไปกิน 2 ขวด ผมกลับเข้าไปนั่งเล่นเหมือนเดิม สักพักหนึ่งเจ้ามือที่นักร้องพามาเล่นมันทำท่าจะเลิก เพราะมันได้เงินมากพอสมควรประมาณ 5 หมื่นบาท ระหว่างที่มันกำลังนับเงินผมก็ลุกยืนขึ้น โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ผมกระโดดถีบหน้าของไอ้เจ้ามือคนนั้น ที่กำลังนั่งนับเงินอยู่โดยที่มันไม่ทันระมัดระวังตัวดังโครม พวกนักร้องที่นั่งกันอยู่พากันตกใจกันเป็นแถว แต่ผมก็บอกให้ทุกคนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องตกใจจากนั้นผมก็หันไปเคลียร์กับไอ้เจ้ามือคนนั้นต่อ โดยที่พรรคพวกอีก 2 คนของผม มันยืนคุมอยู่ที่หน้าประตูแล้ว หลังจากที่ผมถีบหน้าไอ้เจ้ามือหงายหลังไปแล้ว ผมก็คว้าเงินทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าตักทั้งหมดของมันขึ้นมาทันที
“อะไรกันพี่ มาทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง” ไอ้เจ้ามือมันยังไม่รู้ตัว “มึงแน่มากนะที่กล้าเข้ามาโกงพวกกู ว่ายังไง อีป้อม ไอ้เริญ” ผมพูดกับเจ้ามือเสร็จแล้ว ก็หันมาทางนักร้องชายหญิงที่มันพามาเล่นเป็นหน้าม้าให้กับเจ้ามือ ทั้งสองคนถึงกับหน้าซีดเผือดลงทันที “หนูไม่รู้เรื่องนะพี่ ไอ้เริญพามันมา” ป้อมพูดออกตัว “พวกมึงคิดว่าพวกกูเป็นหมูหรือไงถึงได้เล่นตุกติกแบบนี้นะ มึงคิดหรือว่ามึงเล่นเปลี่ยนไพ่แบบนี้มันจะรอดพ้นสายตากูหรือวะ” ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะเตะพวกไอ้เริญต่อกับเจ้ามือ แต่พวกมันยกมือไหว้และขอโทษไม่ให้เอาเรื่องมัน พร้อมทั้งสัญญาว่าจะไม่เข้ามาเล่นที่นี่อีก เงินทองที่มันได้ไป ผมก็คว้ามาหมดรวมทั้งเงินในกระเป๋ามันอีก จะเรียกว่าปล้นก็ว่าได้ แต่เรียกกันว่าปล้นแบบมีเชิงเท่านั้นเอง ในช่วงเวลานั้นทุกคนไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกผมแน่ เพราะพวกมันรู้ว่าผมเป็นใคร และทำอะไรอยู่ในช่วงนั้น เบ็ดเสร็จแล้ววันนั้นเงินที่ได้มานั้นได้มากกว่า 8 หมื่นบาท ผมก็นำมาแบ่งกับพวกนักร้องคนอื่นที่เล่นด้วยกัน คนละห้าพัน 6-7 คน ที่เหลือผมก็เอาแบ่งให้พรรคพวกตามส่วนเท่าๆ กันไป หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายกันไปแล้ว พวกนักร้องคนอื่นต่างพากันขอบคุณผมทุกคน ต่างกับพวกอีป้อมกับไอ้เริญ และไอ้เจ้ามือคนนั้นไม่มีใครอยากจะคบด้วย หนอยแน่ะเสือกพาเซียนมากินพวกเดียวกันได้ สมน้ำหน้ามัน!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น