ศาสตร์แห่งกลโกง

เปิดใจคุยกัน

หลากหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่าคุณหรือใครก็ตาม ผมคิดว่าทุกคนต้องเคยผ่านทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดีมาบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องไหนที่เป็นเรื่องที่ทำให้เรามีความสุข ความประทับใจ เราก็ควรจดบันทึกไอดารี่เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในชีวิต ของผมตั้งแต่จำความได้ ก็เหมือนกับหลายคนเช่นเดียวกัน คือ ผ่านทั้งความสุขและความทุกข์มากพอสมควร ต่างกันที่ชีวิตของผมได้เข้ามาอยู่ในวงการพนันและวงการมาเฟียเท่านั้นเอง ฟังดูเหมือนเท่นะ แต่จริง แล้วไม่ใช่เลย การที่ผมก้าวเข้าไปเพราะความคึกคะนองและกว่าจะก้าวออกมาได้เพราะสำนึกผิด ก็ทำให้ผมแทบเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเกิดความรู้สึกท้อแท้แต่อย่างใด

วงการพนันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวของมัน ผมเคยพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะหยิบยกเอามาเสนอ ให้คนในสังคมได้ทราบ ได้รู้ ได้เห็น แต่ก็ถูกต่อต้านจากบุคคลหลายกลุ่มว่า หนังสือหรือผลงานของผมเป็นเหมือนดาบสองคม กล่าวหาว่าเป็นหนังสือที่ไม่สร้างสรรค์ ผมเคยคุยกับคนกลุ่มนี้หลายคนแล้วว่า หนังสือไม่สร้างสรรค์ตรงไหน เขาบอกว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการพนัน ผมก็ตอบว่าใช่ แต่การที่ผมเอาความลับเทคนิคและเล่ห์กลโกงมาเขียนนำเสนอเนี่ยมันผิดตรงไหน คนพวกนั้นบอกว่ามันผิดศีลธรรม ผมก็เลยถามเขาต่อไปว่าผิดศีลธรรมตรงไหน ก็หนังสือที่ผมเขียนไม่ได้มีจุดประสงค์ไปชักชวนให้ใครไปเล่นการพนัน แต่ขณะเดียวกันผมกลับชี้ให้เห็นโทษและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของการพนันว่ามันมีอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ ผมกล้าพูดได้เลยว่าคนทั่วโลกส่วนมากมีความผูกพันกับการพนันเสี่ยงโชคในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตีไก่ – ไฮโล – ไพ่ – หวย – มวย – ม้า – ปลากัด หรือแม้กระทั่งหมากัดกัน ก็ยังเอามาเป็นการพนัน เหมือนอย่างบางประเทศ แต่คุณรู้มั้ยว่าการพนันแต่ละประเภทนั้นเขามีเทคนิคและวิธีโกงกันอย่างไร ผมกล้าพูดได้เลยว่า 90 % ของคนทั่วโลกไม่มีใครรู้ 5% รู้บ้างไม่รู้บ้าง ส่วนอีก 5% เป็นพวกเซียนเดินสายจริง เพราะฉะนั้นการที่ผมนำเรื่องราวเหล่านี้มาเปิดเผย ผมกล้าพูดได้เลยว่า 90% ของคนที่ไม่มีความรู้ มีความต้องการที่จะอยากรู้ถึงลักษณะและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงต่าง ๆ ของการพนันแต่ละประเภท เพื่อจะได้เกิดความระมัดระวัง ไม่ต้องถูกหลอกถูกโกงจากพวกเซียนพนันทั่วๆ ไป ผมคงไม่มีอำนาจไปยุยงส่งเสริมให้ใครหันไปเล่นการพนัน ไอ้ครั้นจะไปบอกให้เขาเลิกเล่นการพนัน เดี๋ยวเขาก็จะด่าหาว่าไปเสือกเรื่องส่วนตัวของเขาอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ ชี้แนะและอธิบายให้เขาเห็นเสียเลยว่า การพนันมันมีโทษอย่างนี้นะ และให้พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจกันเอาเอง แบบนี้ดีกว่าใช่ไหมครับ และอย่างนี้ คุณลองคิดดูสิว่า หนังสือของผมมันสร้างสรรค์หรือทำลายกันแน่

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไพ่งานแกะดอกแบบรู้แต้มและสีของไพ่

เทคนิคในการแกะดอกสำหรับใช้ในการเล่นการพนันไพ่รัมมี่ และการพนันไพ่ตีแตกนั้น จะเป็นการแกะดอกทำตำหนิแบบรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คืออะไร และสีดอกของไพ่คือตัวอะไร สำหรับเทคนิคในการแกะดอกนั้น ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดแต้มไพ่ ดังนี้ คือ

1. แกะดอกทำตำหนิซ้ายไปขวา

2. แกะดอกทำตำหนิจากบนลงล่าง

จากรูปแสดงให้เห็นลักษณะลวดลายทางด้านหลังของไพ่ที่มีความนิยมนำมาใช้เล่นกันมากที่สุดตามบ่อนต่าง ๆ ในปัจจุบัน

1. ลายที่ 1 ไพ่ตอง 1

2. ลายที่ 2 ไพ่กระดาษ

3. ลายที่ 3 ไพ่ตอง

ก่อนอื่นเรามาดูลักษณะทางด้านหลังของไพ่กันก่อนว่า ไพ่แต่ละยี่ห้อนั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกันไปดังเช่น ลวดลายต่อไปนี้ คือ ไพ่ตอง 1 – ตอง 2 – ตอง 5

หมายเหตุ ลวดลายของไพ่ทั้ง 3 ชุดนี้ จะมีความนิยมนำมาเล่นกันมากที่สุดตามบ่อนต่าง ๆ ไม่ว่าบ่อนเล็กหรือบ่อนใหญ่

การแกะดอกไพ่แบบที่ 1 (ดอกที่อยู่ขอบนอก) ตอง 5 จะทำการแกะดอกทำตำหนิแบบเริ่มจากซ้ายไปขวาไล่ไปทีละดอก คือดอกที่ 1 คือ A ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ดอกที่ 4 คือ 4 ดอกที่ 5 คือ 5 ดอกที่ 6 คือ 6 แกะดอกทำตำหนิไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบทุกตัว การแกะดอกจะเห็นทั้งด้านบนและด้านล่างโดยแกะดอกทำตำหนิแบบทแยงมุม ดังเช่นในรูป

วางไพ่ 1 ใบโชว์หลังไพ่ไล่แต้มศรชี้ดอกไล่แต้ม

ไพ่วาง 1 ใบโชว์หลังไพ่ศรชี้ไล่ดอกสี

สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากดอกที่ 2 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 3 คือ สีโพธิ์แดง ดอกที่ 4 สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำก็ได้ให้ผู้ที่ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

การแกะดอก (ตอง 5 )

แกะดอกเสร็จแล้ว

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้มศรชี้บอกแต้ม

การแกะดอกแบบที่ 2 (ดอกที่อยู่ขอบใน) จะทำการแกะดอกทำตำหนิ โดยเริ่มจากซ้ายไปขวาเช่นเดียวกับการทำตำหนิแบบที่ 1 แต่จะอยู่ในขอบด้านใน การกำหนดแต้มจะเริ่มจากไพ่ดอกแรกทางซ้ายมือ คือ A ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ไล่ไปเรื่อยจนกว่าจะครบทุกตัว สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากดอกที่ 1 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือสีโพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำก็ได้ให้ผู้ที่ทำตำหนิเอาไว้ด้วยตัวเอง

1. แกะดอก (ตอง 5)

2. แกะดอกเสร็จแล้ว

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

หลังไพ่ศรชี้ดอกและมุมไพ่เพื่อบอกแต้ม

การทำตำหนิแกะดอกไพ่แบบที่ 3 ดอกที่อยู่ขอบนอก โดยจะเริ่มจากดอกแรกทางซ้ายมือเป็นการแกะดอกทำตำหนิบอกแต้ม ดังนี้ คือ หนึ่งดอกจะมี 4 มุม มุมที่ 1 คือ A มุมที่ 2 คือ 2 มุมที่ 3 คือ 2 มุมที่ 4 คือ 4 ส่วนไพ่ดอกที่ 2 จะเริ่มทำตำหนิจากมุมล่างก่อนคือ 5 มุมที่ 2 คือ 6 มุมที่ 3 คือ 7 มุมที่ 2 คือ 10 มุมที่ 3 คือ J มุมที่ 4 คือ Q ส่วนไพ่ K ไม่ต้องทำ ผู้ที่ทำการแกะดอกทำตำหนิจะรู้ด้วยตัวเอง

หลังไพ่ศรชี้บอกสี

สำหรับการแกะดอกเพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิจากไพ่ดอกแรกนับจากทางขวามือสุด ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมแรกล่างสุดจะเป็นสีโพธิ์ดำ มุมที่ 2 คือ สีโพธิ์แดง มุมที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด มุมที่ 4 คือ สีดอกจิก

1. การแกะดอก (ตอง 5)

2. แกะดอกเสร็จแล้ว

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาวๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

หมายเหตุ สำหรับการแกะดอกไพ่แบบรู้แต้มและรู้สีดอกของไพ่ จะมีจุดประสงค์ในการนำมาเล่นไพ่รัมมี่และไพ่ตีแตก เพราะสามารถรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คือตัวอะไร ควรจั่วหรือไม่ควรจั่ว ใครคอยอะไรจะรู้หมด สามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลายรูปแบบด้วยกัน

การแกะดอกแบบที่ 4 (ดอกที่อยู่ขอบนอก) (ตอง 2) จะทำการแกะดอกทำตำหนิแบบเริ่มจากซ้ายไปขวาไล่ไปทีละดอก คือ ดอกที่ 1 คือ A ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ดอกที่ 4 คือ 4 ดอกที่ 5 คือ 5 ดอกที่ 6 คือ 6 แกะดอกทำตำหนิไปเรื่อยจนกว่าจะครบทุกตัว การแกะดอกจะแกะทั้งด้านบนและด้านล่างโดยจะแกะดอกทำตำหนิแบบทแยงมุม (ดังเช่นในรูป)

1. วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้ดอกไล่แต้ม

2. ไพ่วาง 1 ใบ โชว์หลังไพ่ศรชี้ดอกบอกสี

สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะเริ่มจากดอกที่ 1 ซ้ายมือลงมา คือสีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือ โพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำตำหนิก็ได้ ให้ผู้ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

1. แกะดอก (ตอง 2 )

2. แกะดอกเสร็จแล้ว

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิ ภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

การแกะดอกแบบที่ 5 (ดอกที่อยู่ขอบใน) จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากซ้ายไปขวาเช่นเดียวกันกับการทำตำหนิแบบที่ 1 แต่จะอยู่ภายในขอบด้านใน การกำหนดแต้มจะเริ่มจากไพ่ดอกแรกทางซ้ายมือ คือ A ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ไล่ไปเรื่อยจนครบทุกตัว

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้บอกแต้ม

สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิ โดยเริ่มจากดอกที่ 1 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือ สีโพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำตำหนิก็ได้ ให้ผู้ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้ดอกบอกสี

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

1. การแกะดอก (ตอง 2)

2. แกะดอกเสร็จแล้ว

การทำตำหนิแกะดอกไพ่แบบที่ 6 ดอกที่อยู่ขอบนอกโดยเริ่มจากดอกแรกทางซ้ายมือ เป็นการแกะดอกทำตำหนิแบบแต้ม ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมที่ 1 คือ A มุมที่ 2 คือ 2 มุมที่ 3 คือ 3 มุมที่ 4 คือ 4 ส่วนไพ่ดอกที่ 2 จะเริ่มทำตำหนิจากมุมล่างก่อน คือ 5 มุม ที่ 2 คือ 6 มุมที่ 3 คือ 7 มุมที่ 4 คือ 8 ส่วนไพ่ดอกที่ 3 มุมล่างสุด คือ 9 มุมที่ 2 คือ 10 มุมที่ 3 คือ J มุมที่ 4 คือ Q ส่วนไพ่ K ไม่ต้องทำ ผู้ที่ทำการแกะดอกทำตำหนิจะรู้ด้วยตัวเอง

หลังไพ่ ศรชี้และมุมไพ่เพื่อบอกแต้ม

สำหรับการแกะดอก เพื่อบอกสีดอกของไพ่ จะทำการแกะดอกทำตำหนิจากไพ่ดอกรำนับจากทางขวามือสุด ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมแรกล่างสุด คือ สีโพธิ์ดำ มุมที่ 2 คือ สีโพธิ์แดง มุมที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด มุมที่ 4 คือ สีดอกจิก

หลังไพ่ ศรชี้ดอกบอกสี

การแกะดอก (ตอง 2)

แกะเสร็จแล้ว

วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

หมายเหตุ สำหรับการแกะดอกไพ่แบบรู้แต้ม ไม่รู้แต้ม และรู้สีดอกของไพ่ จะมีจุดประสงค์ในการนำไปเล่นไพ่รัมมี่และไพ่ตีแตกเพราะเราสามารถรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คือตัวอะไร ควรจั่วหรือไม่ควรจั่ว ใครคอยอะไรจะรู้หมด สามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลายรูปแบบ

2 ความคิดเห็น:

Ariana Vioino กล่าวว่า...

เยี่ยม =w=

Unknown กล่าวว่า...

อยากเรียนครับ

แสดงความคิดเห็น

โจรปล้นสิบครั้ง ยังเหลือบ้าน

ไฟไหมบ้านสิบครั้ง ยังเหลือที่

เสียพนันครั้งเดียว ท้อชีวี

อาจไม่เหลือบ้านและที่ ให้หลับนอน

นี่คงเป็นบทกลอนอุทาหรณ์สอนใจได้เป็นอย่างดี สำหรับหลาย ท่านที่ยังหลงใหลเล่นการพนันอยู่นะครับ